Skip to main content

ประเทศไทย: วิกฤติด้านสิทธิเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว

การปราบปรามเสรีภาพขั้นพื้นฐานท่ามกลางการเรียกร้องประชาธิปไตยที่มีเยาวชนเป็นแกนนำ

ภาพเด็กนักเรียนมัธยมชูสามนิ้วและปราศรัย ในการประท้วงที่มีเยาวชนเป็นแกนนำที่เชียงใหม่ ประเทศไทย 25สิงหาคม 2563  © 2020 Supitcha Chailom

(นิวยอร์ก) –รัฐบาล ไทย ในปี 2563 ได้เร่งการปราบปรามสิทธิขั้นพื้นฐาน ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของขบวนการประชาธิปไตยที่มีเยาวชนเป็นแกนนำ เพื่อเรียกร้องการปฏิรูปการเมืองและรัฐธรรมนูญ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ ในรายงานสถานการณ์โลกปี 2564 ขององค์กร

การประท้วงเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม และลุกลามไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว พวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาลาออก ให้ยุติการคุกคามจากเจ้าหน้าที่ และให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ การประท้วงในบางครั้งยังมีข้อเรียกร้องให้จำกัดพระราชอำนาจ รัฐบาลตอบโต้ด้วยการปราบปรามแกนนำ ดำเนินคดีพวกเขากว่า 100 คนในข้อหาชุมนุมอย่างผิดกฎหมาย ละเมิดมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 และข้อหายุยงปลุกปั่น

“รัฐบาลไทยได้ตอบโต้กับข้อเรียกร้องอย่างสงบของเยาวชนให้มีการปฏิรูปทางการเมืองอย่างรอบด้าน โดยการทำให้วิกฤติด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยเลวร้ายยิ่งขึ้น” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “ทางการไทยได้ดำเนินคดีกับผู้เห็นต่าง ใช้ความรุนแรงเพื่อสลายการประท้วงอย่างสงบ เซ็นเซอร์ข่าวและโซเชียลมีเดีย และลงโทษผู้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง”

ในรายงานสถานการณ์โลกปี 2564 ความยาว 761 หน้า ซึ่งจัดพิมพ์เป็นปีที่ 31 ฮิวแมนไรท์วอทช์ทบทวนเหตุการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในกว่า 100 ประเทศ ในอารัมภบทของรายงาน เคนเนธ โรธ์ ผู้อำนวยการบริหารเสนอว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ควรกำหนดให้การเคารพสิทธิมนุษยชน เป็นวาระพื้นฐานของของนโยบายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป แม้รัฐบาลในอนาคตอาจให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนน้อยกว่าเดิมก็ตาม โรธ์ย้ำว่า แม้ในขณะที่รัฐบาลทรัมป์มักเพิกเฉยต่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน แต่รัฐบาลประเทศอื่นได้เข้ามาทำหน้าที่ปกป้องสิทธิแทน รัฐบาลไบเดนจึงควรหาทางร่วมมือ ไม่ใช่เข้าไปทำหน้าที่แทนการทำงานของกลุ่มประเทศใหม่เหล่านั้น

ในวันที่ 15 ตุลาคม ตำรวจปราบจลาจล ใช้กำลังสลายผู้ประท้วง ที่ค้างคืนด้านนอกทำเนียบรัฐบาลที่กรุงเทพฯ ในวันต่อ ๆ มา ตำรวจยังโจมตีผู้ประท้วงอย่างสงบโดย ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงที่ผสมสีและสารเคมีจากแก๊สน้ำตา รวมทั้งยิงกระบอกแก๊สน้ำตา ในวันที่ 17 ตุลาคม มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 55 คน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการสูดดมแก๊สน้ำตาเข้าไป และมีผู้ประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยหกคนได้รับบาดเจ็บจากอาวุธปืน ในระหว่างการปะทะกับกลุ่มรักสถาบัน และเป็นช่วงที่ตำรวจถอนกำลังออกไป วันที่ 18 พฤศจิกายน โฆษกของนายอังตอนียู กูแตรึช เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ แสดงความกังวล เกี่ยวกับการใช้กำลังของรัฐบาลไทยต่อผู้ประท้วงอย่างสงบ

รัฐบาลได้ข่มขู่และลงโทษเด็กและเยาวชน ซึ่งเข้าร่วมในการรณรงค์เรียกร้องประชาธิปไตย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานเมื่อเดือนสิงหาคมว่า ได้เกิด เหตุคุกคามรวม 103 ครั้ง ต่อนักเรียนและนักศึกษาทั่วประเทศ โดยมี เด็กนักเรียนมัธยมอย่างน้อยสี่คนในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ที่ถูกดำเนินคดี ในข้อหาละเมิดข้อห้ามการชุมนุม

รัฐบาลใช้มาตรการเซ็นเซอร์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งข้อมูลในโซเชียลมีเดีย มีการสั่งให้ปิดกั้นและลงโทษความเห็นที่ทางการมองว่าเป็นการวิพากวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ในเดือนพฤศจิกายน นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ สั่งให้นำการฟ้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกลับมาใช้ใหม่ หลังพักการใช้ไปสามปี จนถึงเดือนธันวาคม มีบุคคลอย่างน้อย 35 คน รวมทั้งเด็กผู้ชายอายุ 16 ปี ที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา จากการเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือการพูด หรือการเขียน หรือการกระทำใด ๆ ซึ่งทางการมองว่าเป็นการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ยังถูกดำเนินคดีในข้อหายุยงปลุกปั่น ความผิดทางคอมพิวเตอร์ และความผิดตามมาตราอื่น ๆ

ผู้เห็นต่างชาวไทยซึ่งหลบหนีการฟ้องคดีทางการเมืองจากประเทศไทย ต้องเผชิญภัยคุกคามกับชีวิตตนเอง ในวันที่ 4 มิถุนายน วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยที่ลี้ภัยตกเป็นเหยื่อการบังคับให้สูญหายที่กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา และยังคงหายตัวอยู่จนปัจจุบัน นับแต่ปี 2559 มีนักกิจกรรมทางการเมืองอย่างน้อยเก้าคนที่ถูกบังคับให้สูญหาย ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีสองคนที่มีการพบว่าถูกสังหารแล้ว

“บรรดามิตรประเทศของไทย จะต้องหยุดเพิกเฉยต่อสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายลงอย่างรวดเร็วในประเทศนี้” อดัมส์กล่าว “เราไม่อาจกลับไปฟื้นฟูความสัมพันธ์แบบปรกติได้ ตราบที่ยังไม่สามารถกดดันให้รัฐบาลไทยแสดงพันธกิจที่จะเคารพหลักการประชาธิปไตยและสิทธิของบุคคลทุกคน”

Your tax deductible gift can help stop human rights violations and save lives around the world.